ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วิธีฝึกช่วยให้ได้ 10K Sub1

Sub1 หรือ วิ่ง 10K ให้ได้ต่ำกว่า 60 นาที มี 5 รูปแบบการฝึกที่จะช่วยให้นักวิ่งทำได้ตามที่ต้องการ

1️. ฝึกวิ่งพื้นฐาน

ฝึกความหนัก(หัวใจ)ประมาณ 50-60% ของระยะวิ่ง และใน 1 สัปดาห์ ควรมีวันที่วิ่งยาวให้ได้ 12km อย่างน้อย 1 วัน ฝึกวิ่ง zone2 (อัตราเต้นหัวใจ 60-70%) เพื่อฝึกความทนทานพื้นฐานของร่างกาย ฝึกวิ่ง zone3 (อัตราเต้นหัวใจ 70-80%) เพื่อฝึกพื้นฐานความแข็งแรงของร่างกายและการหายใจ (ให้ฝึก zone2 มากกว่า zone3)

2️. ฝึกวิ่ง Speed Interval run

เพื่อฝึกใช้กล้ามเนื้อในการวิ่งเร็ว และควบคุมการหายใจในสภาวะ Anaerobic System (หายใจไม่ทันใช้) เช่น 

• 400 เมตร x 3 ชุด
• เพซความเร็ว 90% Max
• ระยะทางรวม 1.2K
• พักดื่มน้ำระหว่างชุด 3-5 นาที

หรือ 

• 800 เมตร x 2 ชุด
• เพซความเร็ว 80-90% Max
• ระยะทาง 1.6K
• พักดื่มน้ำระหว่างชุด 3-5 นาที

3️. ฝึกวิ่ง Tempo Run

เพื่อเพิ่มความสามารถของปอดในการรับออกซิเจน เพราะเมื่อนักวิ่งต้องการวิ่งเร็วขึ้น เช่น จากเพซ 7:00 จะพัฒนาไปที่เพซ 6:30 สิ่งที่สำคัญคือ ต้องทำให้ปอดมีความสามารถในการรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยฝึกประมาณ 20-30% ของระยะวิ่งทั้งหมด เช่น จากวิ่ง pace 6.0 ระยะะ 4 km ในสัปดาห์แรก จากนั้นเพิ่มระยะเป็น 5 km เป็น 6 km เรื่อยๆ ในสัปดาห์ถัดไปให้ถึง 10 km

4️. ฝึก Strength Training

เพื่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาและหน้าท้อง จะช่วยให้นักวิ่ง Injury free หรือลดโอกาสบาดเจ็บจากการฝึกวิ่ง ดังนั้นการฝึก Strength Training กล้ามเนื้อขาและหน้าท้อง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ต่อเนื่อง 6-7 สัปดาห์ ก่อนเข้าโปรแกรม 10K New PB

5️. ฝึก Cool down และ Recovery หลังวิ่ง

หลังจากฝึกวิ่งในทุกโปรแกรมไม่ว่าจะหนักหรือเบา นักวิ่งควรทำการ Cool down เช่น การเดินสบายๆ 5-10 นาที และควรยืดกล้ามเนื้อแบบค้าง เพื่อลดอาการล้าและความตึงของกล้ามเนื้อ ถ้ามีความล้าสะสมและนักวิ่งยังฝึกตามโปรแกรมความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บมีสูงมากตามไปด้วย

ทั้งนี้ ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ตามความสามารถของนักวิ่ง ***

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แกว่งแขนยังไง ไม่ให้เหนื่อยเร็ว

มาเรียนรู้เทคนิคเล็กๆ จากการแกว่งแขนที่ถูกต้อง จะช่วยให้เราวิ่งไม่เหนื่อยเร็ว ...  

ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสำหรับนักวิ่ง

มีงานวิจัยในปัจจุบันได้ทำการศึกษาในนักวิ่งระยะปานกลางและระยะไกล โดยมีรายละเอียดดังนี้ มีประสบการณ์ในการวิ่งตั้งแต่ 6 เดือน ขึ้นไป ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อด้วยวิธีต่างๆ ได้แก่ Heavy resistance training / Explosive training / Plyometric training ฝึกเป็นเวลานานมากกว่า 4 สัปดาห์ ผลปรากฏว่านักวิ่งมีสิ่งต่างๆ เหล่านี้ดีขึ้น ดังนี้ ประสิทธิภาพในการใช้พลังงานในการวิ่ง เวลาที่ใช้ในการวิ่ง การใช้พลังงานโดยไม่ใช้ออกซิเจนในช่วงเริ่มวิ่ง รู้แบบนี้แล้ว นักวิ่งทั้งหลายต้องใส่โปรแกรมการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไว้ในตารางฝึกซ้อม โดยในวันนี้เรามีท่าบริหารมาแนะนำทั้งหมด 9 ท่า ดังนี้ Skater squat Side plank clam with band Single leg hamstring slider curl Single leg wall slide Single leg squat Lateral step down Sidelying hip abduction Single leg calf raise Single leg calf raise with knee bend อ่านเพิ่มเติม ได้ที่ Blagrove RC, Howatson G, Hayes PR. Effects of Strength Training on the Physiological Determinants of Middle- and Long-Distance Running Performance: A Systematic Review. Sports Med. 2018;48(5)...

การวิ่งมีผลต่อผู้หญิงอย่างไร

นักวิ่งหญิงต้องอ่านเลย ข้อมูลที่คัดสรรเพื่อนักวิ่งหญิงโดยเฉพาะ การวิ่งมีผลต่อผู้หญิงอย่างไร ทั้งผลต่อหุ่นสวย ต่อผิวพรรณสว่างกระจ่างใส ต่อจิตใจที่นอยด์ง่ายอย่างพวกเรา มีคำตอบในโพสต์นี้ อ่านแล้วคือดี สวยสตรอง ! แต่ละหัวข้อมีลิงค์ขุดต่อถ้าสนใจ  ■ 1. วิ่งแล้วผิวจะดีขึ้นมาก ต่อเรื่องผิวพรรรณแล้ว ผู้หญิงดูแลเป็นพิเศษ การวิ่งต่อเนื่องครั้งละ 45 นาที ช่วยเรื่องผิวพรรณได้ดีมาก เมื่อร่างกายอุณหภูมิอุ่นขึ้น มีเหงื่ออออก เหงื่อจะช่วยช่วยขับของเสีย สารพิษ และไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังออกมา ช่วยชำระให้ผิวพรรณสะอาดจากภายในเลยล่ะ ผิวที่ดูหมองจากสารพิษและไขมัน จะดูเปล่งปลั่งกระจ่างใสขึ้นมาเลย (ที่มา : http://bit.ly/2dacHIj ) ■ 2. วิ่งรับเอนโดฟินน์สารแห่งความสุข นอยด์ อ่อนไหว เปราะบาง สุขภาพจิตถดถอย อารมณ์แปรปรวนง่าย อาร์ทตัวแม่ การวิ่งอย่างน้อย 30 นาทีช่วยให้ผู้หญิงหลั่งสารเอนโดฟินน์สารแห่งความสุข ช่วยสลายความขุ่นมัว  เมื่อทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 4 วัน จะทำให้ปริมาณความเครียดสะสมลดลงอย่างเห็นได้ชัด Worry free กันเลยทีเดียว (ที่มา: http://bit.ly/2tzMauY ) ■ 3. ผู้หญิงวิ่งเร็วช่วงไหน ผลการศึกษาจากส...